อ่านประวัติศาสตร์สเปนใน Wikipediaเลยมาจดเก็บไว้สักหน่อย เพื่อใช้อ้างอิงในภายหลัง (ภาพประกอบข้างบนคือเมือง Toledo เมืองหลวงของสเปนยุคแรกเริ่ม ถ่ายตอนไปเที่ยวในปี 2013)
Hispania
ประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรไอบีเรีย ก็คล้ายกับประเทศอื่นในยุโรป นั่นคือเริ่มจากการเป็นจังหวัดหนึ่งของโรมัน (Roman Hispania) พอโรมันล่มสลายลง ชนเผ่าเยอรมันหลายกลุ่มก็เข้ามาตั้งรกรากและตั้งอาณาจักรย่อยๆ ขึ้น โดยอาณาจักรที่สำคัญคือ Visigoth ที่ตั้งเมืองหลวงอยู่ Toledo มาจนถึง ค.ศ. 700
Muslim conquest
สถานการณ์โลกยุคนั้นคือจักรวรรดิมุสลิมรุ่งเรือง (หลังการตายของศาสดาโมฮัมหมัด ชาวอาหรับก็รวมเป็นปึกแผ่นใต้อาณาจักรกาหลิบ = Caliphate)
จักรวรรดิอุมัยยะฮ์ (Umayyad Caliphate) ก็ขยายอาณาเขตอย่างยิ่งใหญ่ในแอฟริกาเหนือ (มาไกลจนถึงแถบโมร็อคโคในปัจจุบัน) และข้ามทะเลมายึดคาบสมุทรไอบีเรียได้เกือบหมด เหลือเฉพาะตอนบนๆ ที่ยังเป็นของฝรั่งเท่านั้น
Reconquista
มุสลมอุมัยยะฮ์ ปกครองคาบสมุทรไอบีเรียตอนใต้มาได้หลายร้อยปี ทางตอนเหนือของคาบสมุทรก็เป็นอาณาจักรชาวคริสต์ขนาดย่อมๆ หลายอาณาจักร ที่สำคัญคือ โปรตุเกส (Portual), กาลิเซีย (Galicia), ลีออน (Leon), คาสติลล์ (Castille), อารากอน (Aragon) โดยมีความใฝ่ฝันจะขับไล่มุสลิมออกไปให้หมด (Reconquista = Reconquest) ในอีกทาง อาณาจักรมุสลิมก็เริ่มเสื่อมอำนาจลง ถูกกดดันลงใต้ไปทีละน้อย
อาณาจักรชาวคริสต์ก็ค่อยๆ หลอมรวมกัน โดยเริ่มจาก Castille & Leon ก่อน (ซึ่งถือเป็นสเปนตอนกลางประเทศในปัจจุบัน) จากนั้นในปี 1469 ราชินี Isabella I แห่ง Castille ก็แต่งงานกับ Ferdinand II แห่ง Aragon (Aragon คือสเปนตะวันออก หรือแถบบาร์เซโลนาในปัจจุบัน) ทำให้สองแคว้นรวมกันได้สำเร็จ (ในทางปฏิบัติยังแยกกันปกครองแคว้นใครแคว้นมัน แต่ในทางกฎหมายก็คือเป็นกษัตริย์คู่)
จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในปี 1492 ที่มีเหตุการณ์สำคัญ 2 อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นคือ ฐานที่มั่นสุดท้ายของมุสลิมที่กรานาดา (Granada) ถูกสเปนตีแตก และในปีเดียวกัน Isabella & Ferdinand ก็อนุญาตให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางออกทะเล ซึ่งก็ไปพบกับ "โลกใหม่"นั่นเอง
สเปนรวมเป็นหนึ่ง ขับไล่แขกมุสลิมออกนอกทวีป ค้นพบโลกใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่งสเปน
ภาพวาดโคลัมบัส ต่อหน้ากษัตริย์ Isabella & Ferdinand
Spain Empire 1516-1700
ผู้สืบทอดของ Isabella & Ferdinand คือ Joanna ลูกสาวของ Isabella ที่แต่งงานกับ Philip I จากราชวงศ์ฮับสบูร์ก (Habsburg) ที่ปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (เยอรมัน-ออสเตรียในปัจจุบัน)
กษัตริย์องค์ต่อมาคือ Charles I (ครองราชย์ 1516 อีกชื่อหนึ่งคือ Charles V แห่ง Holy Roman Empire) ลูกของ Joanna จึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุค Habsburg Spain (สเปนราชวงศ์ฮับสบูร์ก) ที่เป็นยุคทองของสเปน (Spanish Golden Age)
Habsburg Spain ถือเป็นจักรวรรดิสมัยใหม่ชาติแรกๆ เพราะการค้นพบโลกใหม่ ทำให้สเปน (และโปรตุเกส) ใช้อำนาจทางทะเล สร้างอาณานิคมในทวีปอเมริกา ดึงทรัพยากรกลับมายุโรป ส่วนการเมืองในยุโรปเอง สเปนก็เป็นพันธมิตรทางเครือญาติกับราชวงศ์ฮับส์บูร์ก (ออสเตรีย) ซึ่งเป็นมหาอำนาจในยุคนั้น
แผนที่ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ปี 1547
สเปนยังได้รวมเป็นประเทศเดียวกับโปรตุเกสอยู่ช่วงสั้นๆ (1580-1640 นาน 60 ปี)
ยุคของ Habsburg Spain และยุคทองของสเปนสิ้นสุดลง เมื่อกษัตริย์องค์สุดท้าย Charles II ซึ่งพิการและร่างกายอ่อนแอ (ฉายา the Bewitched) เสียชีวิตลงในปี 1700 โดยไม่มีทายาทสายตรง ประเด็นเรื่องการสืบทอดอำนาจของกษัตริย์สเปนจึงกลายเป็นการเมืองระดับยุโรป (War of the Spanish Succession 1702-1714)
Bourbon Spain 1700-1808
ผู้ที่เป็นตัวเก็งสืบทอดอำนาจของ Charles II มีสองคนคือ Philip Duke of Anjou เจ้าชายฝรั่งเศสที่มีศักดิ์เป็นหลานอา และได้รับการแต่งตั้งจาก Charles II ให้สืบทอดบัลลังก์ต่อ กับ Archduke Charles เจ้าชายจากอาณาจักรโรมันศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นหลานในเครือญาติจากการแต่งงาน
ประเด็นเรื่องการสืบบัลลังก์สเปน เป็นการเมืองระดับยุโรป เพราะแต่ละฝั่งมีแบ็คเป็นมหาอำนาจในยุคนั้น โดย Philip เป็นหลานแท้ๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศส (เป็นหลานคนที่ 2 คือมีโอกาสเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสด้วย) ส่วน Archduke Charles ก็เป็นหลานของจักรพรรดิ Leopold
ใครได้สเปนไปครอง จะทำให้ฝ่ายนั้นกลายเป็นมหาอำนาจ No.1 แห่งยุโรปทันที สงครามระหว่างสองขั้วอำนาจ (ฝรั่งเศส vs กลุ่มต่อต้าน) จึงบังเกิดขึ้น
สงครามจบลงด้วยสัญญาสงบศึก Philip ได้เป็นกษัตริย์สเปนในชื่อ Philip V (ครองราชย์นับตั้งแต่ปี 1700 เป็นต้นมา) แลกกับว่าเขาไม่มีสิทธิในบัลลังก์ฝรั่งเศสอีกต่อไป (เพื่อป้องกันการรวมสเปน-ฝรั่งเศส ภายใต้กษัตริย์องค์เดียว) ทำให้สเปนยุคนี้กลายเป็นยุคของราชวศ์บูร์บอง (Bourbon) ของฝรั่งเศสนั่นเอง
Bourbon Spain ปกครองประเทศมาอีกร้อยปี จนถึงกษัตริย์ Charles IV ที่มีปัญหาทางจิต ส่งผลให้สเปนตกต่ำลง บวกกับกระแสการเมืองโลกในตอนนั้น คือการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 และนโปเลียนบุกเข้ามายึดสเปนในปี 1808 จึงเป็นจุดสิ้นสุดของสเปนยุคนี้
จักรวรรดิสเปนในยุคที่มีอาณานิคมมากที่สุด (1790) ก่อนจะเสียดินแดนอย่างรวดเร็วในภายหลัง
Constitutional Monarchy
การปกครองของนโปเลียนอยู่ในช่วงสั้นๆ ตามช่วงเวลาครองราชย์ของนโปเลียน แต่เหล่าแม่ทัพในสเปนก็รวมตัวกันต่อต้านเพื่อชิงเอกราชกลับมา ส่งผลให้กลุ่มแม่ทัพมีบทบาทมากในการเมืองสเปนต่อจากนี้ไป หลังจากนโปเลียนโดนยุโรปรุมกินโต๊ะและแพ้ไป ระบบกษัตริย์เดิมก็กลับคืนสู่สเปนในปี 1814 โดย Ferdinand VII ยังคงสืบทอดราชวงศ์บูร์บองต่อไป
แต่สุญญากาศอำนาจของสเปนช่วงที่โดนฝรั่งเศสยึดครอง ทำให้อาณานิคมของสเปนใน "โลกใหม่"เริ่มแยกตัวเป็นอิสระ การเมืองในประเทศสเปนเองก็ได้รับผลกระทบจากกระแส "สาธารณรัฐ"ในยุโรป ทำให้ประเทศวุ่นวาย เพราะมีทั้งฝ่ายกษัตริย์ นายพล และผู้นิยมสาธารณรัฐ ข้อตกลงที่พบกันครึ่งทางคือระบอบ Constitution Monarchy
ราชินี Isabella II ลูกสาวของ Ferdinand VII ถูกปฏิวัติในปี 1868 และสเปนใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐเป็นเวลาสั้นๆ ระหว่างปี 1873-1874 แต่ก็ล้มเหลว ทำให้กองทัพสเปนปฏิวัติ แล้วเชิญกษัตริย์ Alfonso XII (ลูกของ Isabella II) กลับเป็นกษัตริย์สเปนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม Alfonso XII ก็ครองราชย์ไม่นาน เสียชีวิตจากโรคบิดด้วยวัยเพียง 28 ปี (1885)
Alfonso XIII ลูกชายของ Alfonso XII ยังไม่เกิดด้วยซ้ำตอนพ่อตาย ครองราชย์สืบต่อมา ยุคสมัยนี้ถือเป็นช่วงขาลงของสเปน เพราะเสียดินแดนอาณานิคมไปเกือบหมดจากสงครามกับสหรัฐอเมริกา (ฟิลิปปินส์เปลี่ยนมือจากสเปนไปเป็นของอเมริกาก็ยุคนี้) ช่วงปลายของสมัย Alfonso XIII เขาสนับสนุนนายพล Rivera ปฏิวัติระบบสภา แต่ภายหลังก็เสื่อมความนิยมลง จนฝ่ายสาธารณรัฐกลับมารุ่งเรือง และ Alfonso XIII ต้องหนีออกจากประเทศไปในปี 1931 สเปนจึงเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐอีกรอบ
Civil War และ Franco
ยุคนี้สเปนยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่เพราะไม่มีใครมีอำนาจเด็ดขาด สาธารณรัฐอยู่ได้ในช่วงสั้นๆ สเปนก็เข้าสู่ยุคสงครามกลางเมือง (Spanish Civil War 1936-1939) โดยกลุ่มสาธารณรัฐที่ปกครองประเทศ (ที่ค่อนข้างเอียงไปทางสังคมนิยม โดยได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย) ต้องเผชิญกับกลุ่มชาตินิยมทหาร ที่นำโดยนายพลฟรังโก (Francisco Franco) ที่สนับสนุนโดยนาซีเยอรมันและฟาสซิสต์อิตาลีในยุคนั้น
ฝ่ายสาธารณรัฐไม่เป็นปึกแผ่นและทะเลาะกันเอง สุดท้ายชัยชนะเป็นของนายพลฟรังโกในปี 1939 สเปนในยุคถัดมาจึงอยู่ใต้ระบอบเผด็จการของฟรังโก จนเขาเสียชีวิตในปี 1975
สงครามกลางเมืองสเปน ฝ่าย Nationalist สีเหลือง ตีล้อมฝ่าย Republican สีชมพู
ฟรังโกวางแผนสืบทอดอำนาจ โดยคืนบัลลังก์ให้กษัตริย์ Juan Carlos (หลานของ Alfonso XIII) ที่ลี้ภัยอยู่ในอิตาลี สเปนยุคปัจจุบันจึงกลับมาใช้ระบอบ Constitutional Monarchy อีกครั้ง
Juan Carlos สละบัลลังก์ในปี 2014 ให้กับลูกชาย Felipe VI กษัตริย์องค์ปัจจุบัน (ยังนับเป็นราชวงศ์บูร์บองอยู่)