รายละเอียดของ Ubuntu Phone เขียนไปแล้วบน Blognoneอันนี้เป็นความคิดเห็นอย่างเดียว
ก่อนอื่นถ้าใครยังไม่เห็นภาพ ลองดูคลิปที่ Engadget สัมภาษณ์ Shuttleworth มีเดโมมือถือตัวเป็นๆ ให้ดู ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า Ubuntu Phone เป็นอย่างไร
ที่เหลือเป็นบทวิจารณ์
วิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์ของ Ubuntu Phone คือ "ระบบปฏิบัติการตัวเดียว"ที่ใช้ได้กับพีซี แท็บเล็ต ทีวี มือถือ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่มาก คำถามคือมันเป็นวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องหรือไม่?
ในแง่มุมมองภาพกว้างอาจจะถูก แต่ในรายละเอียดแล้ว อุปกรณ์ต่างชนิดกัน ขนาดหน้าจอต่าง น้ำหนักต่าง วิธีการป้อนข้อมูลต่าง มันควรจะใช้ระบบปฏิบัติการตัวเดียวกันหรือเปล่า? สิ่งนี้เป็นปัญหาที่ไมโครซอฟท์กำลังเผชิญอยู่กับ Windows 8 และแอปเปิลเองก็ยังสงวนท่าทีในการเชื่อม iOS+OSX เข้าด้วยกัน
อันนี้ต้องปล่อยให้กาลเวลาเป็นเรื่องพิสูจน์ ซึ่งถ้ามันถูกต้องก็แปลว่า Ubuntu เสี่ยงแล้วเจอแจ๊คพ็อตเข้าเลย
Usability
สำหรับคนที่เคยใช้ N9 มาก่อน จะทราบดีว่า UI แบบ edge-swipe เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ข้อติของผมต่อ N9 คือทุกอย่างมัน swipe ได้ยกเว้น back ต้องกดปุ่ม ซึ่งใน Ubuntu Phone แก้ปัญหานี้ไปแล้วเรียบร้อย
Ubuntu Phone ดึงจุดเด่นของ mobile OS มาผสมผสานกันได้อย่างน่าสนใจ เช่น
- edge-swipe ของ MeeGo
- notification ของ Android (แล้วเพิ่มเรื่องการเลื่อนตามไอคอนเข้ามา)
- context menu ของ Windows 8 (ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไรนัก)
ในแง่ของ UI แล้วถือว่าผ่านและน่าจะใช้งานได้ดี มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ดึงดูดพอสมควร
Ecosystem
การเปิดตัว Ubuntu Phone ช่วยอธิบายท่าทีแปลกๆ บางอย่างของ Canonical ในรอบหลายปีให้หลังได้มากขึ้น โดยเฉพาะข้อตกลงกับ Amazon ที่เป็นปัญหาใน Ubuntu 12.10 กลับกลายเป็นจุดแข็งบน Ubuntu Phone เนื่องจากมันเติมเต็มเรื่อง digital content ได้ทั้งหมดทันที
- Unity สร้าง standard UI แบบข้ามแพลตฟอร์ม
- Ubuntu One ตอบโจทย์เรื่อง cloud sync + content store (เพลง)
- Ubuntu Software Center ตอบโจทย์เรื่อง app distribution
- ความใกล้ชิดของ Ubuntu กับ Qt (จาก Unity 2D) อธิบายเรื่อง Ubuntu SDK ได้
- Amazon ตอบโจทย์เรื่อง content store (หนัง-เพลง-หนังสือ-ทีวี)
ผมคิดว่า Ubuntu มองเกมค่อนข้างขาดเรื่องการพัฒนาแอพที่มีทั้งแบบ native (แต่อยู่บน QML/Qt-based SDK) และ web app ซึ่งเป็นทางเลือกให้นักพัฒนาได้ทั้งคู่
กรณีของ web app ถือว่าช่วยเสริม web app movement ที่เราจะเห็นในเร็วๆ นี้ จากระบบปฏิบัติการมือถือหลายตัว เช่น Firefox OS (pure web app), BB10 (WebWorks), Tizen (jQuery-based)
ความสำคัญของ web app movement คือ Android+iOS (ซึ่งเป็น native ทั้งคู่) ยึดตลาดแทบจะเบ็ดเสร็จ ระบบปฏิบัติการใหม่ๆ เกิดยากมาก ถึงแม้จะมีแบ็คดีระดับ MS ยังดัน Windows Phone ให้รุ่งได้ยาก
รายเล็กจึงต้องหากระบวนท่าที่จะร่วมกันสร้างโมเมนตัมมาต่อกร ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ไม่อยากผูกชีวิตไว้กับคนอื่น หวยเลยมาออกที่ HTML5 ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางๆ และมีจุดเด่นเรื่อง cross platform (ในรายละเอียดไม่ cross จริง แต่ก็ถือว่ามากที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้)
ผมเชื่อว่ากระแส web app movement จะช่วยกดดันให้บริการออนไลน์ดังๆ บางยี่ห้อ เช่น Flickr, Pinterest, Tumblr อะไรแบบนี้ สร้าง touch web app ที่มีความสามารถมากพอในระดับหนึ่ง (นอกเหนือไปจาก mobile app บน Android/iOS ที่ต้องทำอยู่แล้ว) และสามารถพอร์ตมาลงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่รัน web app ได้ง่าย ช่วยสนับสนุนให้แพลตฟอร์มพวกนี้มีแอพมาตรฐานที่ควรจะมีเยอะขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก (ความสามารถของแอพคงสู้ native ไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มี ไม่อย่างนั้น Ubuntu Phone ไม่มีวันมี Google Maps หรือ Gmail แน่)
ในอนาคตระยะที่มองเห็น แอพบน Ubuntu Phone น่าจะเป็น native (10-20%) และ web app (80-90%) แต่แอพสำคัญๆ ของระบบจะเป็น native ทั้งหมด + พาร์ทเนอร์เท่าที่ Canonical สามารถเจรจาได้
Key Factors
พูดข้อดีไปแล้ว ต่อไปเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้มันสำเร็จ/ล้มเหลว
- Hardware partnersอันนี้สำคัญที่สุด คือต่อให้ระบบปฏิบัติการดีแค่ไหน ถ้าไม่มีฮาร์ดแวร์ขายก็จบ ฮาร์ดแวร์ในที่นี้หมายถึงว่าคุณภาพต้องดีในระดับหนึ่ง แบรนด์ดังน่าสนใจ มีช่องทางจัดจำหน่ายมาก จะให้เลิศคงต้องระดับ LG/HTC/Sony ที่ยังไม่มีระบบปฏิบัติการของตัวเอง (Samsung คงไม่สนใจ, Moto ก็เป็น pure Android ไปแล้ว) แต่อันที่เป็นไปได้มากกว่าคือแบรนด์จีน-อินเดียที่กำลังรุ่งขึ้นมา สมมติว่า Canonical เซ็นสัญญากับ Huawei หรือ ZTE ได้ คงสบายไปอีกเยอะ
- Carrier partnersบ้านเราคงไม่ค่อยมีผล แต่หลายประเทศมีผลมาก ซึ่งตรงนี้ค่ายอื่นๆ อย่าง Firefox OS ก็รู้ดี และรีบไปจับมือกับยักษ์ใหญ่อย่าง Telefonica ไว้แล้ว คำถามคือ Canonical มีพันธมิตรในระดับเดียวกันหรือไม่
- Showcase appsจุดเด่นของ Ubuntu Phone เวลาเอาไปโฆษณาย่อมเป็นการรองรับทั้งโหมดมือถือ-พีซี (ลองคิดภาพเอามือถือเสียบ dock แล้วกลายเป็น fully functioned PC มันเท่มากเลยนะครับ) ดังนั้น Canonical ต้องรีบสร้าง "แอพตัวอย่าง"ที่แสดงให้เห็นพลังของการทำงานข้ามโหมด มาสาธิตให้คนเห็นกันให้จงได้สัก 2-3 ตัว
- Software Qualityจากกรณีของ Unity ผมไม่ค่อยเชื่อมั่นในลมปากของทีม Canonical มากนัก คือไอเดียดีตอนต้น แต่ทำจริงแล้วคุณภาพมันออกมาไม่ได้ตามนั้น (ทุกวันนี้ Unity ยังหน่วงๆ อยู่ และ Dash ก็ยังห่วยเหมือนเดิม) ถ้าซ้ำรอยเดิมก็อวสาน จบกัน
สรุป
ในมุมของ Canonical และ Ubuntu Project ผมคิดว่า "spread too thin"หรือทำหลายอย่างมากเกินไป โดยมีทรัพยากรจำกัดมาก
โอเคแหละ ถ้าทำได้ครบหมดจริงๆ ก็คงไปรุ่งแน่นอน แต่ลองคิดดูว่าการทำงานใหญ่ระดับนี้ (OS ข้ามแพลตฟอร์ม+ecosystem ขนาดใหญ่) แม้แต่พี่เบิ้มระดับไมโครซอฟท์ยังกระอัก กูเกิลยังเหนื่อย และแอปเปิลก็ไม่ได้ทำทั้งหมด โอกาสล้มเหลวในกระบวนการ implement มีสูงมาก ถึงแม้วิสัยทัศน์และไอเดียจะดีก็ตาม