หนังสือเรื่องพม่าชื่อดังของบ้านเรา เขียนโดยคึกฤทธิ์ อยากอ่านมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักที จนกระทั่งต้องไปพม่าเลยมีเหตุอันควรให้อ่าน
ปัญหาคืออ่านไม่จบ ผ่านไปได้แค่ครึ่งเล่มก็ถึงเวลาต้องไปพม่าเสียก่อน ดังนั้นกลับมาแล้วก็เอาให้จบ
เรื่องแบบสรุปรวบยอดก็คือ คึกฤทธิ์เขียนถึง "พระเจ้าสีป่อ" (คนพม่าเรียก "ทีปอ") พระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้ายของพม่า ก่อนเสียเอกราชให้อังกฤษ แต่ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องการเสียเอกราช กลับเป็น "ดราม่าในราชสำนัก"อันเป็นเหตุให้พม่าในตอนนั้นอ่อนแอลงมาก จนเป็นเหตุให้เสียเอกราชในภายหลัง
การครองราชย์ของพระเจ้าสีป่อ ต้องย้อนไปถึงพระเจ้ามินดุง พระบิดาผู้ย้ายเมืองหลวงจากอังวะมายังมัณฑเลย์ (มันอยู่ใกล้ๆ กัน อารมณ์แบบธนบุรี-กรุงเทพ) ตอนนั้นพม่าเสียดินแดนตอนใต้ให้อังกฤษไปสักระยะแล้ว แต่ยังรักษาเอกราชตอนเหนือไว้ได้
พระเจ้ามินดุงเป็นกษัตริย์ที่เก่งใช้ได้ แต่มีปัญหาเรื่องการตั้งผู้สืบราชสมบัติ และโดน "ดราม่ารุ่นแม่"คือพระมเหสีองค์หนึ่ง อยากให้ลูกสาวตัวเอง "พระนางศุภยลัต"เป็นราชินีองค์ต่อไป (ราชินีบังคับต้องเป็นพี่น้องของกษัตริย์ แบบเดียวกับสมัย ร.4-ร.5 ของไทย คือเป็นแค่พี่น้องร่วมพ่อ ไม่ร่วมแม่) ก็เลยสมคบกับบรรดาอำมาตย์ ผลักดัน "พระเจ้าสีป่อ"โอรสองค์ที่ไม่เด่นและอ่อนแอขึ้นมาเป็นกษัตริย์ได้
พอพระเจ้ามินดุงสวรรคต พระเจ้าสีป่อขึ้นครองราชย์ พระนางศุภยลัต ราชินีองค์ใหม่ก็เริ่มปฏิบัติการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ฆ่าพี่น้องคนอื่นๆ ของพระเจ้าสีป่อทิ้งเสียเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในอนาคต การฆ่าล้างเช็ดราชวงศ์-ขุนนางขั้วตรงข้ามลักษณะนี้ ทำให้พม่าอ่อนแอลง และประชาชนเองก็เอาใจออกห่าง แถมบางส่วนยังเอาตัวออกห่าง หนีเข้าเขตอังกฤษไปอยู่แบบสบายๆ แทนด้วย
ตอนจบก็คือ ราชสำนักพม่าหันไปคบฝรั่งเศสเพื่อถ่วงดุลย์กับอังกฤษ (ที่คนพม่าเกลียดมาก) หวังจะให้ฝรั่งเศสช่วยเหลือ แต่ฝรั่งเศสมองว่าพม่านั้นเล็กๆ ไม่คุ้มค่าจะไปทะเลาะกับอังกฤษ เลยช่วยพม่าแต่ในนาม แต่พม่ากลับเข้าใจว่าช่วยจริงๆ ก็เลยเหิมเกริมไปแกล้งบริษัทป่าไม้ของอังกฤษ จนอังกฤษไม่พอใจ ยกทหารขึ้นจากตอนใต้ของพม่าขึ้นมาตีมัณฑเลย์ ซึ่งก็ชนะง่ายดายเพราะพม่ายอมแพ้ตลอดทาง
สุดท้ายอังกฤษเนรเทศพระเจ้าสีป่อ กับพระนางศุภยลัตไปที่อินเดีย พระเจ้าสีป่อสวรรคตที่อินเดีย ส่วนพระนางศุภยลัตย้ายกลับมาที่ย่างกุ้ง ปัจจุบันยังมีสถูปอยู่แถวๆ เจดีย์ชเวดากองครับ
โดยรวมแล้วก็สนุกตามสไตล์คึกฤทธิ์ อ่านพอเพลินๆ แต่รายละเอียดทางประวัติศาสตร์คงไม่ถูกต้องนัก เพราะคึกฤทธิ์ตั้งใจเขียนแบบเรื่องเล่า และใส่สีใส่ไข่เพิ่มเติมลงไปมาก แถมยังเปรียบเทียบราชสำนักพม่ากับราชสำนักสยาม ตามแนวทางที่รู้ๆ กันอยู่
ไหนๆ ไปเที่ยวมัณฑเลย์มาด้วยแล้ว ก็ปิดท้ายโดยรูปภาพสถานที่ที่เกี่ยวข้องสักหน่อย
มณฑปของพระราชวังมัณฑเลย์ สร้างใหม่บนพื้นที่เดิม (ของเดิมถูกเผาไปตอนสงครามโลกหมดแล้ว)
แผนผังของวัง
ท้องพระโรง
ราชบัลลังก์ของพระเจ้ามินดุง
พระเจ้ามินดุง
วังสร้างไม่ค่อยเนียนครับ ไกด์พม่าก็บ่น
พระเจ้ามินดุง อีกห้องหนึ่ง
สถาปัตยกรรมพม่า
เตียงของพระเจ้าแผ่นดิน (จำลอง)
พระตำหนักของนางสนม หญ้ารกเชียว
หอคอยที่พระเจ้าสีป่อสร้างขึ้นเพื่อดูสภาพภายนอกวัง ตอนหลังพระนางศุภยลัตมาดูเรืออังกฤษที่บุกมาทางแม่น้ำนอกเมืองบนหอคอยนี้
หอคอย
โซนตรงกลางของวัง รู้สึกว่าจะสร้างด้วยไซส์ที่ลดลงจากไซส์เดิมนะครับ
ที่เห็นบ้านขาวๆ ข้างบนคือ ห้องให้ยามไปนั่งเพื่อไล่นกแร้งในสมัยโบราณ แบบว่าไม่เป็นมงคล
ตำหนักพระมเหสี มี 4 คนตามทิศต่างๆ หน้าต่างทรุดโทรมเชียว
มณฑปกลาง อีกสักรอบ
พระตำหนักชั้นใน ที่อยู่ของบรรดามเหสี สนม นางกำนัล
หลังคาของเดิมเป็นไม้ ของใหม่เป็นสังกะสีทาสี
ทั้งหมดที่เห็นนั่นคือของใหม่ที่สร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ของต้นฉบับเหลืออยู่หลังเดียว คือ ตำหนักเก่าของพระเจ้ามินดุง ซึ่งพระเจ้าสีป่อกลัวผีพ่อตัวเอง เลยบริจาคให้วัดที่อยู่นอกเมือง (ใครจะตามไปเที่ยวลองหาชื่อ "ชเวนันดอ"หรือ Shwenandaw) และกลายเป็นโชคดีเพราะรอดจากสงครามโลกมาได้
ดีเทลของเดิมขั้นเทพมาก จนน่าเสียดายพระราชวังที่ถูกทำลายลงไป
ทั้งหมดเป็นไม้สักทองปิดทอง แม้ทองจะเลือนๆ ไปบ้างแล้ว แต่งานฝีมือเข้าขั้นสุดยอด
เกล็ดทองยังเหลือเล็กน้อย
ป้ายเขาเรียก Golden Palace Monastery